top of page

CROWNING

SCHOOL

CROWNING SCHOOL

สถาบันคราวน์เบอร์ลินน์ไม่ใช่เพียงสถาบันเดียวที่สอนนักศึกษาระดับสูงเท่านั้น แต่ยังมีสถาบันลักษณะเดียวกันอยู่ในทวีปและภูมิภาคอื่นๆ โดยที่สถาบันดังกล่าวหลักๆมีอยู่ 5 สถาบันด้วยกันเมื่อรวมคราวน์เบอร์รินน์ไป ซึ่งสถาบันทั้ง 4 นี้เป็นเสมอกับสถาบันพี่น้องของคราน์เบอร์รินน์

อย่างไรก็ตาม ยังมีสถาบันอื่นๆนอกจากสถาบันเล่านี้อยู่ เพียงแต่สถาบันที่ได้กล่าวมาข้างต้นเป็นสถาบันที่คราวน์เบอร์รินน์มีเครือข่ายความสัมพันธ์ด้วย และแต่ะละสถาบันนั้นมีความแตกต่างกันไปในเชิงการเรียนการสอนและความถนัด

ทุกท่านสามาถดูรายละเอียดของสถาบันต่างๆได้จากข้อมูลต่อไปนี้

Hawsetia

NORTHERN EUROPE

“To Honor, Death and Glory”

 

“Alfather demands it"

Chief and Raider Institute of Hawsetia

LOCKED: NOT YET ACHIEVED

Washington

NORTHERN AMERICA

“We are the new age ”

 

“Give us liberty, or give us death”

Washington's High of USA

Washington's High of USA หรือ วอชิงตันไฮน์ แห่ง สหรัฐอเมริกา เป็นสถาบันการศึกษาที่ก่อตั้งครั้งแรกหลังจากเหตุการณ์ Boston Tea Party ในปี ค.ศ.1773 ซึ่งเป็นสถาบันที่ก่อตั้งขึ้นมาในสถานะคู่แข่งของทางคราวน์เบอร์ลินน์อย่างชัดเจน และ ในอดีตมีเรื่องราวที่ไม่ลงรอยกันพอสมควร เนื่องจากในช่วง Dazzling Blood Crissis เคยเกิดกรณีลักลอบเข้ามาขโมยฐานข้อมูลข้อสอบพิเศษของทางสถาบันคราวน์เบอร์รินน์ โดยที่สายข่าววงในแจ้งว่าเป็นฝีมือของคนของอเมริกา แต่อย่างไรก็ตาม ไม่เคยมีผู้ใดสามารถหาหลักฐานมาเอาโทษฝ่ายวอชิงตันไฮน์ได้ และ ในช่วงหลังมานี้ทางสถาบันวอชิงตันไฮน์ได้เข้ามามีปฎิสัมพันธ์อันดีกับทางคราวน์เบอร์รินน์ การแลกเปลี่ยนในปีนี้จึงเกิดขึ้น

วอชิงตันไฮน์เป็นที่ขนานนามในเรื่องของความคิดที่ล้ำสมัยและชาตินิยม โดยมีความคิดที่ว่าชาติอเมริกาไม่แพ้ชนชาติอื่นใดใด พวกเขามีความเป็นผู้นำและผู้บุกเบิกสูง รร.เมกา ค่อนข้างมีนิสัยที่ดื้อรั้นและสุดโต่งในเชิงความคิด โดยที่คนของทางวอชิงตันไฮน์จะเก่งในเรื่องของการโต้วาที การพูด และ การวิพากษ์วิจาร นอกจากนี้แล้ว เหล่านักศึกษาของวอชิงตันไฮน์ส่วนใหญ่เป็นพวก Pro-Gunner หรือ ผู้ที่สนับสนุนการมือปืนหรืออาวุธไว้ในการครอบครองอีกด้วย

ในสถาบันวอชิงตันไฮน์ นักศึกษาส่วนมาก 50% เป็นพวก White Collar ในขณะที่อีก 35% เป็นพวก Red Collar และ อีก 15% เป็นพวก ฺBlue Collar ในขณะที่พวก Black Collar นั้นไม่ได้รับอนุญาติให้เข้ามาศึกษาในสถาบันได้

เหล่าชาววอชิงตันไฮน์จะพูดอยู่เสมอว่าพวกเขาไม่มีการแบ่งชนชั้น.. แต่แท้จริงแล้วการแบ่งชนชั้นระหว่างชนชาติของชาวอเมริกันยังคงมีอยู่

THEME:

COLOR

CODE:

STUDENT

SYSTEM:

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ACADEMIC

YEAR:

NATIONS:

Liberty, New Age, Freedom, Nationalism, Propaganda, Military, capitalism

ระบบของทางสถาบันวอชิงตันไฮน์นั้นต่างจากคราวน์เบอร์รินน์ ในเชิงที่ว่าพวกเขาไม่มี Clan แบ่งนักศึกษา แต่ทางสถาบันแบ่งออกเป็นสองฝ่ายคือ Left (สีน้ำเงิน) และ Right (สีแดง) โดยที่ทั้งสองฝ่ายนั้นจะมีความคิดที่ต่างกันในเชิงการวางตัวเบื้องต้น ส่วนสภานักศึกษาของทางสถาบันจะประกอบไปด้วยทั้งสองฝ่ายเผื่อความสมดุล

Right: 

  • Conservative

  • ส่วนมากเป็นพวก Red Collars

  • มีความคิดที่สนับสนุนพวก Upper Class หรือ Dominant classes

  • มีความคิดที่ชาตินิยมมากกว่าฝ่าย Left และเชื่อในอำนาจผูกขาดทาง

 

Left:

  • Liberal

  • ส่วนมากเป็นพวก White Collars และ Blue Collars

  • มีความคิดสนับสนุนในเชิงพวกชนชั้นด้านล่างในส่วนหนึ่ง และ เชื่อในโอกาสที่เท่าเทียม

  • มีความคิดที่เปิดกว้างมากกว่าฝ่าย Right แต่ก็ยังคงความชาตินิยมไว้ในแบบของตนเอง

Elementary High - 7th Grade - 8th Grade

Senior High - เลือกฝ่ายระหว่าง Right หรือ Left

  • Freshman; 9th grade           

  • Sophomore; 10th grade   

  • Junior; 11th grade

  • Senior; 12th grade

Washington's High Uniform

เครื่องแบบของทางวอชิงตันไฮน์นั้น 2 ชั้นด้วยกันซึ่งในฤดูร้อนจะใส่เป็นเพียงเชิ้ตขาวด้านในเท่านั้น เสื้อเวสโค้ทด้านในเป็นตัวเลือกที่สามารถใส่และไม่ใส่ได้ตามสภาพอากาศ

โบว์ไทด์ของทางวอชิงตันจะเปลี่ยนจากสีน้ำตาลเป็นสีแดงหรือน้ำเงินเมื่อนักศึกษาขึ้นปี 9 หรือ เลือกเข้าฝ่าย( Party )ใดฝ่ายหนึ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยสามารถดูรูปภาพขยายใหญ่ของเครื่องแบบประกอบ ได้ที่นี่ค่ะ

Banco

SOUTHERN AMERICA

“Castigat Ridendo Mores”

“laughing corrects morals,”

Soberano La Regla El Banco

LOCKED: NOT YET ACHIEVED

Dhargey

ASIA

“For the greater good”

 

“Be serene, be savage”

Palace of Dhargey, School for Emperor of Asia

Palace of Dhargey, School for Emperor of Asia หรือ วังดาร์กี แห่ง ทวีปเอเซีย เป็นสถาบันการศึกษาที่แต่เดิมเป็นพระราชวังเก่า ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่สูงของเส้นทางแบ่งระหว่างเนปาลและทิเบตโดยที่วัฒธรรมหลักคาบเกี่ยวกับทางอินเดียและจีน ตัวพระราชวังนั้นมีประวัติอันยาวนานและเป็นที่ฝึกสอนสำหรับเหล่าสายเลือดราชวงศ์มาช้านาน

 

โดยที่ทางวังดาร์กีนั้นไม่ได้ติดต่อกับทางสถาบันคราวน์เบอร์รินน์มาพักใหญ่ๆ สืบเนื่องผลของเหตุการณ์ Dazzling Blood Crissis ทำให้การแลกเปลี่ยนครั้งนี้ถือเป็นโอกาสแรกในการมาดูงานและเยี่ยมเยือนกันในรอบหลายสิบปี

วังดาร์กี ส่วนมากเป็นอินเดีย และ จีน และชนชาติอื่นๆ ชนชาติญี่ปุ่นในโรงเรียนนั้นมีอยู่บ้าง แต่น้อยนิดเนื่องจากสถาณการณ์ทางการเมือง โดยที่ผู้คนในดาร์กีแบ่งออกไปเป็นนิสัยหลักๆระหว่างนักศึกษาที่มีนิสัยค่อนข้างป่าเถื่อนหรือสงบไปเลย นักศึกษาส่วนมากหากไม่เป็นผู้ที่ฝึกซ้อมในด้านการรบก็จะเป็นผู้ที่เอกในด้านงานจิตกรรมและกวี

ผู้คนในสถาบันนั้นจะมีความสัมพันธ์ที่ดีและเข้าใจธรรมชาติ พวกเขายังคงนับถือและยึดติดกับกฎกฎมนเทียรบาลอยู่พอสมควร ทำให้พวกเขาอยู่ในช่วงที่ปรับตัวกับสังคมและวัฒณธรรมใหม่ๆอยู่พอสมควร อย่างไรก็ตามพวกเขาเองก็มีความสามารถในเชิงการรบและความคิดสร้างสรรค์พอสมควร 

THEME:

COLOR

CODE:

STUDENT

SYSTEM:

 

 

 

 

 

 

ACADEMIC

YEAR:

NATIONS:

Dynasty, Conservative, Serene &  Savage, Nature, Authenticity, Adaptation, Culture & Royalist

ระบบของทางสถาบันวังดาร์กีนั้นต่างจากคราวน์เบอร์รินน์ ในเชิงที่ว่าพวกเขาไม่มี Clan แบ่งนักศึกษา และต่างจากทางสถาบันวอชิงตันไฮน์ที่แบ่งออกเป็นสองฝ่าย โดยที่ทางสถาบันไม่ได้มีการแบ่งแยกในเชิงหมวดหมู่ แต่พวกเขาเชื่อในสัญลักษณ์สัตว์นำโชคต่างๆ ทำให้ในสภานักศึกษานั้นจะมีการวางสัญลักษณ์แทนตัวเหล่าสภาเป็นสัตว์ต่างๆเสมอ

นักศึกษาสามารถสนับสนุนด้านใดด้านหนึ่งของทางสถาบันได้ ซึ่งด้านเหล่านั้นจะถูกดูแลโดยทางสภานักเรียนแบ่งเป็น 5 ด้านคือ 

  • ประมุข: ความสัมพันธ์ภายในและภายนอกโดยรวม

  • รองประมุข: สวัสดิการของทางนักศึกษา

  • เลขาธิการ: ข้อมูลเอกสาร

  • เสนาบดี: การคลัง และ การบริหารทรัพยากร

  • ขุนพล: ด้านกองกำลัง

Year 7th -  Year12th

ฝั่งเอเซียนั้นจะมีชนชาติหลักคือ อินเดีย และ จีน แต่นอกจากนี้ยังมีชนชาติอื่นๆ เช่น ทิเบต เนปาล และ มองโกล อีกประเทศหนึ่งที่มีส่วนร่วมด้วยนั้นคือญี่ปุ่น แต่เนื่องจากความสัมพันธ์ทางสงครามที่ไม่ดีกับทางจีนในปีก่อนๆ ทำให้จำนวนนักเรียนสายเลือดญี่ปุ่นนั้นน้อยกว่าชาติอื่นๆ

 

มีนักเรียนจำนวนน้อยมาก(เทียบจะไม่มีเลย)ที่เป็นลูกครึ่งและจะมาจากประเทศที่อยู่ใกล้กันเท่านั้น (เช่น อินเดีย-เนปาล) และหากเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น-จีนจะมาจากการชู้สาว หรือการ Rape และเป็น mudblood (เนื่องจากสภาวะสงครามของทั้งสองประเทศ)

Palace of Dhargey Uniform

เครื่องแบบของดาร์กีจะมีทั้งหมด 3 ชั้นด้วยกัน ซึ่งมักจะใส่เต็มยศในช่วงเวลาสำคัญและช่วงเวลาฤดูหนาว นอกจากนี้แล้วนักเรียนดาร์กีจะเปลี่ยนรองเท้าเป็นหุ้มข้อในช่วงเวลาฤดูหนาวด้วยเช่นกัน ดาร์กีไม่มีเครื่องแบบเฉพาะในฤดูร้อน เพียงแค่จะไม่ใส่เสื้อชั้นที่สอง

ลายที่ขอบเสื้อของดาร์กีจะเป็นผ้าปักสีเงิน ส่วนหมวกนั้นประดับขนนกได้เครื่องประดับอื่นๆได้ตามต้องการ การดัดแปลงเครื่องแบบนั้นมีได้แต่ไม่มากเนื่องจากจำเป็นต้องสำรวมในวังเสมอ

 

โดยสามารถดูรูปภาพขยายใหญ่ของเครื่องแบบประกอบ ได้ที่นี่ค่ะ

bottom of page